กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ ขอประกาศให้ทราบว่าการนำไฟล์ธรรมะของหลวงปู่ ไปให้ Download ใน website ของตน ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพระผู้จุดประทีบในดวงใจ, ๑๐๑ ปี หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ, ตามรอยธรรมย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ฯลฯ ที่กลุ่มเป็นผู้จัดทำ ถือเป็นความผิดตามกฎหมายลิขสิทธิ์ฯ

ทางกลุ่มฯ อนุญาตเพียงการมา download โดยตรงที่ web luangpudu.com เท่านั้น

แม้ว่ากลุ่มฯ ต้องการจะเผยแพร่คำสอนของหลวงปู่ออกไปให้กว้างไกลที่สุด ชนิดที่เป็นธรรมทาน แต่ทางกลุ่มฯ ก็มีความจำเป็นต้องเข้มงวดเช่นนี้ เพราะเหตุที่พบว่ามีการนำไฟล์ธรรมะข้างต้นไปสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ website ของตน สร้างความน่าเชื่อถือ แล้วตามด้วยการเรี่ยไรเงินบ้าง ให้สั่งจองพระที่สร้างกันเองบ้าง หรือนำไปต่อยอดอื่น ๆ ในเชิงพุทธพาณิชย์ 

ในปีที่ผ่านมานี้ กลุ่มเพื่อนธรรมฯ ได้มีหนังสือแจ้งการละเมิดลิขสิทธิ์ของสำนักพิมพ์ผู้จำหน่ายหนังสือ "อมตะวัตถุมงคลฉบับสมบูรณ์ ของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ" ซึ่งบัดนี้ ทางสำนักพิมพ์ได้มีหนังสือขอโทษมาโดยตรงแล้ว (เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลิขสิทธิ์ของอาจารย์ท่านหนึ่ง) มีการประกาศขอโทษในหนังสือที่พิมพ์ในเดือนต่อมา และทางสำนักพิมพ์ได้มีการดึงหนังสือจากสายส่ง/จุดจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เว้นแต่หนังสือที่จำหน่ายออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งทางกลุ่มฯ ไม่ติดใจ)

กลุ่มเพื่อนธรรมฯ จะพิจารณาดำเนินการตามกฏหมายกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ที่นำผลงานไปแอบอ้างและหาประโยชน์ต่อไป

ตัวอย่างการเผยแพร่ของเฟสบุคดังกล่าวที่พยายามสร้างการรับรู้ของผู้รับสารว่าตนเป็นผู้จัดทำหนังสือ "ตามรอยธรรม ย้ำรอยครูฯ"

(ทั้ง ๆ ที่เป็นผลงานของกลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ)

นี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเผยแพร่คำสอนของหลวงปู่ที่ไม่มีที่อ้างอิง (เข้าข่ายเอาคำพูดตนไปใส่ปากหลวงปู่)

ผู้ที่ทันหลวงปู่ จะทราบดีว่าไม่ใช่คำพูดของหลวงปู่ เพราะหลวงปู่มีปรกติอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่เคยมีคำพูดทำนองว่า "หลักธรรมของข้า" ท่านมีแต่พูดว่า "ข้าพูดธัมม้งธัมมะไม่เป็น"

นอกจากนี้ หลวงปู่ก็ไม่เคยนำเรื่องอดีตชาติของใคร ๆ ในลักษณะว่าเป็นลูก เป็นหลาน ฯลฯ ของท่าน เพราะจะเขาข่ายอวดอุตริ ปรารถนาให้ศิษย์ยึดติดในตัวท่านเพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ที่มีมาแต่อดีตชาติ 

(จริง ๆ ข้อความดังกล่าว เคยมีการสืบค้นแล้วพบว่า เป็นเสียงแว่วมาในสมาธิของเด็กหนุ่มคนหนึ่งเมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่เมื่อมีการเผยแพร่ต่อ ๆ กันไปโดยไม่บอกที่มาที่ชัดเจน ประกอบกับมีเนื้อหาถูกใจผู้อ่าน จึงมีการเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง จนผู้ศรัทธาใหม่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นคำสอนและปฏิปทาของหลวงปู่จริง ๆ นับเป็นความปรารถนาดี แต่ขาดความรอบคอบและขาดความเคารพในองค์หลวงปู่อย่างบริสุทธิ์ใจ ทำให้เกิดความไม่บริสุทธิ์ในธรรมคำสอนของหลวงปู่)

ปัจจุบัน มีหลายกลุ่มหลายคณะพยายามจะสร้างเครดิตให้ตนแลดูเป็นศูนย์กลางคำสอนหลวงปู่ ทั้ง ๆ ที่ส่วนใหญ่เกิดไม่ทัน หรือไม่ทันได้กราบหลวงปู่ในสมัยที่มีชีวิต โดยไม่แคร์การละเมิดลิขสิทธิ์

การร่วมกันเผยแพร่ธรรมคำสอนของครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้ผู้ศรัทธาใหม่เข้าถึงธรรมคำสอนของหลวงปู่โดยไม่ต้องเสียทรัพย์ใด ๆ ไม่ว่าจะโดยการระดมเงินเรี่ยไร บอกบุญ สร้างพระ หรือจองวัตถุมงคล ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ดวงใจของผู้ศรัทธาหลวงปู่มีค่ามากมาย
ไม่ควรเลยที่จะตกเป็น "เหยื่อ" ของผู้มีอาชีพทางด้านพุทธพาณิชย์

นี้ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำได้หยิบยกหารือกันแล้วสรุปตรงกันว่า "ไม่ใช่คำพูดหลวงปู่"

แม้เนื้อหาจะดี แต่ไม่ใช่สำนวนหลวงปู่ หลวงปู่ท่านมีเอกลักษณ์ของท่าน ทำให้ผู้เคยได้ยินได้ฟังท่านบ่อย ๆ จะวินิจฉัยได้ว่า ประโยคที่แม้ไม่ได้ยินด้วยตนเอง แต่พอยกมาแล้วจะสามารถบอกได้ว่าเป็นสำนวนหลวงปู่หรือไม่ อย่างคำว่า "การที่" หรือ "ซึ่ง" อย่างนี้ หลวงปู่จะไม่พูดเลย ยิ่งเรื่องที่จะไปพูดเชิงสั่งห้าม หรือแกมขู่อย่างนี้ ไม่ใช่วิสัยของหลวงปู่ 

อันนี้ก็เป็นบทความของลุงสิทธิ์ กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ มิใช่ของ fb ที่อ้าง 

ในส่วนของเนื้อหาคำสอนของหลวงปู่ การเผยแพร่ออกไปอย่างนี้ นอกจากเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์แล้ว ยังสร้างความเข้าใจแก่ผู้อ่าน ทำให้คิดว่าเป็นคำหลวงปู่ทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ต้นฉบับเดิมเขาจะแยกแยะชัดเจนว่าส่วนไหนเป็นคำหลวงปู่ ส่วนไหนเป็นภาคขยายความของผู้เขียน 

("อาจไม่เอื้อ" คำอย่างนี้ไม่ใช่คำหลวงปู่แน่นอน)

หมายถึงว่า ผู้เขียนต้องมีความรู้ ต้องค้นคว้า ตรวจสอบกับผู้รู้ก่อน อาจรวมไปถึงปฏิบัติให้ได้ตามที่ท่านสอน ก่อนเผยแพร่ออกไป เกรงจะบาปเหลือเกินหากสื่อสารออกไปด้วยความผิดพลาด

อันนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่คำพูดของหลวงปู่ 

(แม้ว่าโดยเนื้อหาจะสะท้อนถึงความเมตตาของหลวงปู่ซึ่งศิษย์ทั้งหลายก็เชื่อมั่นในความห่วงใยของหลวงปู่ที่คอยสงเคราะห์ศิษย์ แต่สำนวนนี้ไม่ใช่ของหลวงปู่แน่นอน) 

ตัวอย่างกระบวนการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ซับซ้อนขึ้น โดยเว็บไซต์แห่งหนึ่งที่ใช้นามของหลวงปู่ ได้นำคำสอนหลวงปู่ รวมทั้งผลงานหนังสือของกลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนธรรม (เว็บ luangpudu.com / luangpordu.com) ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ ๑๐๑ ปี หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หรือหนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครู หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ไปเผยแพร่ต่อ จากนั้นก็ให้มีการอ้างอิงจากตนออกไปเสมือนเป็นเจ้าของผลงานเสียเอง

ขอย้ำว่า การเผยแพร่คำสอนของหลวงปู่ให้กว้างขวางออกไปนั้น เป็นสิ่งที่ควรอนุโมทนาและเป็นเป้าหมายของกลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำเช่นกัน

เพียงแต่ขอให้ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ อ้างอิงให้ถูกต้อง แล้วอย่าได้มุ่งหวังเอาทรัพย์จากผู้มีศรัทธาในหลวงปู่ผ่านการเรี่ยไร หรือโครงการสร้างพระ จองพระ ฯลฯ เพื่อดำเนินตามปฏิปทาหลวงปู่ซึ่งท่านรังเกียจการเรี่ยไรบอกบุญถึงขนาดให้ลูกศิษย์เขียนป้ายติดที่หน้ากุฏิท่านว่า "ห้ามเรี่ยไร" ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

อ้าว ! ธรรมะหลวงปู่ดู่ ที่คุณเมธา กลุ่มเพื่อนธรรมฯ บันทึกและเผยแพร่
มีเว็บอื่นมาขโมยเอาไปเป็นลิขสิทธิ์ของตนเสียแล้วหรือ
ไม่มีการอ้างอิงที่ตรงไหนเลย